กัมมันตรังสี ซีเซียม-137 หายไปเป็นปริศนา อย่าให้ซ้ำรอยเหตุโคบอลต์-60 แผ่รังสี เป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง

     ท่อบรรจุสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 นิ้ว ได้หายไปเป็นปริศนาจากโรงไฟฟ้าพลังงานไอน้ำ ภายในนิคมอุตสาหกรรม 304 อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี จนถึงปัจจุบันนี้ยังหาไม่พบ และมีการเพิ่มรางวัลสำหรับผู้แจ้งเบาะแส เป็นเงินจำนวน 1 แสนบาท จากเดิม 5 หมื่นบาท ท่ามกลางความกังวลใจเป็นอย่างมากของคนในสังคม เนื่องจากสารกัมมันตรังสีเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง หากมีการชำแหละนำสารกัมมันตรังสีออกมาจากท่อเหล็กที่ห่อหุ้มเอาไว้
     กัมมันตรังสี ซีเซียม-137 หายปริศนา อย่าให้ซ้ำรอยเหตุโคบอลต์-60 แผ่รังสี หวังว่าจะไม่เกิดเหตุซ้ำรอยเหมือนเมื่อต้นปี 2543 มีการนำวัตถุในส่วนหัวของเครื่องฉายรังสีทางการแพทย์ หรือโคบอลต์-60 ที่ไม่ใช้แล้วออกมาจากสถานที่เก็บที่ไม่มีการควบคุมดูแล นำไปเก็บในลานจอดรถร้าง ริมถนนในซอยอ่อนนุช และเมื่อคนเก็บของเก่าได้มาเจอจึงแยกชิ้นส่วนแล้วได้นำไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่า ทำให้เกิดการรังสีแผ่ออกมา จนมีผู้ป่วยอาการรุนแรงจำนวน 10 ราย ในจำนวนนี้มี 3 ราย ที่ทำงานในร้านรับซื้อของเก่า ซึ่งต่อมาได้เสียชีวิตลงในระยะเวลาเพียงแค่ 2 เดือน หากใครเจอวัตถุปริศนา และไม่แน่ใจว่าเป็นสารกัมมันตรังสีหรือไม่ เนื่องจากเป็นสารที่ไม่มีกลิ่น และไม่มีสี ให้สังเกตดูสัญลักษณ์รูปใบพัด พร้อมคำเตือนภาษาอังกฤษ Dangerous หรือ Radioactive และหากสัมผัสโดยที่ไม่รู้ตัว ต้องรีบถอดเสื้อผ้าทั้งหมดใส่ถุงแล้วมัดอย่างแน่นหนาที่สุด และอาบน้ำชำระร่างกายโดยด่วน ก่อนแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบปริมาณรังสี เพื่อนำไปทำลาย ซีเซียม-137 เป็นสารไอโซโทปกัมมันตรังสีของธาตุซีเซียม ซึ่งเป็นผลผลิตฟิชชันที่เกิดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชัน มีเลขอะตอมเท่ากับ 55 มีครึ่งชีวิต 30.17 ปี ประมาณ 95% สลายตัวโดยการปล่อยรังสีเบตา แล้วกลายเป็นแบเรียม-137m และเป็นสารก่อมะเร็ง จากการได้รับสารปนเปื้อนเป็นระยะเวลาที่นาน เมื่อเข้าไปอยู่ในร่างกายจะมีการกระจายไปทั่ว ส่วนใหญ่จะสะสมอยู่ในเนื้อเยื่อ ตับ และไขกระดูก เมื่อไม่มีใครล่วงรู้มาก่อนว่าท่อบรรจุสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 หายไปอยู่ที่ใด? จะต้องเร่งค้นหาให้ได้จนกว่าจะพบ เพื่อความปลอดภัยของผู้คน แต่ได้สร้างความกังวลให้กับ “สนธิ คชวัฒน์” ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย เพราะได้มีการตั้งข้อสงสัยว่า ท่อบรรจุสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 มีคนเก็บเอาไว้ที่ใด หรือยังคงอยู่ในโรงงาน หรือนำออกไปขายกับร้านรับซื้อของเก่า หรือโรงงานหลอมเหล็ก เพราะตราบใดที่ท่อเหล็กที่หุ้มสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 ยังไม่แกะออก และมีตะกั่วห่อหุ้มอยู่ ก็อาจจะไม่สามารถตรวจสอบเจอได้“มันน่าสงสัยและแปลกมากที่หายไปจากโรงงานเป็นเวลาตั้งนานแล้วแค่เพิ่งจะรู้ หากเข้าโรงงานหลอมเหล็ก จะอันตรายมากๆ เพราะรังสีเบตา และแกมมา เป็นสารก่อมะเร็ง จะกระจายปนอยู่ในอากาศ จะลงในแหล่งน้ำ และในดิน เป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก และสงสัยว่าท่อบรรจุสารกัมมันตรังสี น้ำหนักรวม 25 กิโลกรัม จะออกไปนอกโรงงานได้อย่างไร หรืออาจยังอยู่ในโรงงานก็ได้ เรื่องนี้เป็นภาวะฉุกเฉินจะต้องหาให้เจอ เพราะซีเซียม-137 เป็นโลหะอ่อนสีขาวเงินที่ตีขึ้นรูปได้ง่าย มีสภาพเป็นของเหลวที่อุณหภูมิประมาณ 28 องศาฯ มีครึ่งชีวิตที่ 30 ปี เมื่อสลายตัวจะปล่อยรังสีเบตาและแกมมา ให้เหนี่ยวนำเข้าไปในร่างกายได้ง่าย จนสามารถที่จะทำลายอวัยวะ ทำลายเนื้อเยื่อของเซลล์ ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งได้สูง”นอกจากนั้นยังทำให้มือพุพองไหม้และป่วยหนัก หากมีการสัมผัส หวังว่าจะยังไม่มีการผ่า หรือแกะท่อที่หุ้มออก และนำเข้าโรงงานหลอมเหล็ก เหมือนเป็นระเบิดมีทั้งรังสีเบตาและแกมมา จะกลายเป็นฝุ่นขนาดเล็กพัดไปตามลม หากดักฝุ่นไม่หมดก็จะเป็นขี้เถ้า หรือมีคนนำไปทำอิฐบล็อก จนชาวบ้านสูดซีเซียม-137 ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องไปจัดระบบในการควบคุมดูแลให้มากยิ่งขึ้น อย่าให้เหมือนเหตุการณ์โคบอลต์-60 เพราะหากค้นหาไม่เจอ จะเกิดอะไรขึ้น หรือหากหลอมไปแล้ว จะเกิดเรื่องใหญ่ เมื่อรังสีแกมมาได้เข้าสู่ร่างกาย จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพเกิดเป็นผื่นแดงตามผิวหนัง ผมร่วง เซลล์ตาย เป็นแผลเปื่อย เป็นโรคเม็ดโลหิตขาวมากผิดกว่าปกติ หรือมะเร็งเม็ดเลือดขาว และมะเร็งในอวัยวะต่างๆ เป็นต้อกระจกที่ดวงตา และยังทำให้โครโมโซม เกิดการเปลี่ยนแปลง มีผลทำให้ดีเอ็นเอของลูกหลานเกิดความผิดปกติได้ ส่วนผู้ชายจะมีปริมาณอสุจิ ลดลงจนทำให้เป็นหมันได้ “หากยังไม่มีการแกะผ่าท่อแท่งซีเซียม-137 จะยังไม่มีรังสีแกมมาที่แผ่ออกมา เพราะภายในท่อมีสารตะกั่วห่อหุ้มอยู่อีกชั้น ทำให้รังสีแผ่ออกมาได้น้อยมากหรือแทบจะไม่มีเลย หากนำเครื่องมือตรวจวัดรังสี ตามกองเก็บเศษเหล็กของร้านรับซื้อของเก่า ก็อาจหาไม่พบ ต้องขอความร่วมมือให้ร้านและโรงงานหลอมเหล็กทำการค้นหาตรวจสอบ และให้นำมาส่งคืน โดยไม่มีความผิดทางกฎหมาย”.

Similar Posts

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *