พ.ต.ท.ผัวเก่าแอม กองปราบฯ ได้เพิ่มข้อหา ช่วยซ่อนเร้นหลักฐาน และนำพิษไซยาไนด์ ผสมยา “เสพ” คำอ้างผู้ต้องหา
ตำรวจกองปราบฯชุดคลี่คลายคดีการตายของ “ก้อย-ศิริพร ขันวงษ์” ผู้ที่เป็น 1 ในเหยื่อสารไซยาไนด์ เดินทางไปทำการแจ้งข้อหาเพิ่มกับรองอ๊อฟ-พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ อดีตสามีของแอม-สรารัตน์ ฐานซ่อนเร้นพยานหลักฐาน กระเป๋าแบรนด์เนมและทรัพย์สินของผู้ตาย เพื่อช่วยให้อดีตภรรยาไม่ต้องได้รับโทษที่สมควร ขณะที่ “ชินภัทร สารสิน” รอง ผบ.ตร. มือปราบปรามยาเสพติด ยืนยันว่าไม่เคยมีการนำสารไซยาไนด์ไปผสมกับยาเสพติดเพื่อใช้เสพตามคำกล่าวอ้างของแอมมือวางยา
จากกรณีคดีดังที่สะเทือนขวัญ “แอม ไซยาไนด์” นางสรารัตน์ หรือแอม รังสิวุฒาภรณ์ ได้ทำการก่อเหตุฆาตกรรมต่อเนื่องใช้สารไซยาไนด์วางยาฆ่าเหยื่อจนเป็นเหตุให้เสียชีวิตแล้วจำนวน 14 ศพ มีผู้รอดชีวิตจำนวน 1 คน ส่วนรองอ๊อฟ-พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ อดีตสามีถูกออกหมายจับฐานร่วมกันรับของโจร ปลอมแปลมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม ทั้งนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการเร่งรวบรวมพยานหลักฐานสรุปสำนวนคดีให้พนักงานอัยการ ในท่ามกลางกระแสข่าวตำรวจชุดคลี่คลายคดีเตรียมแจ้งข้อหาเพิ่มกับ 1 ใน 2 ผู้ต้องหาในคดีวางยาฆ่าชิงทรัพย์ น.ส.ศิริพร หรือก้อย ขันวงษ์ ที่ริมแม่น้ำแม่กลอง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เมื่อวันที่ 14 เม.ย.66 เกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (บช.ภ.7) เมื่อวันที่ 16 พ.ค. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ได้กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีที่นางสรารัตน์ หรือแอม รังสิวุฒาภรณ์ วางยาเพื่อฆ่าชิงทรัพย์ น.ส.ศิริพร หรือก้อย ขันวงษ์ อายุ 32 ปี 1 ในเหยื่อสารไซยาไนด์ว่า วันนี้ตนพร้อมกับคณะพนักงานสอบสวนได้เดินทางมาที่ บช.ภ.7 เพื่อเข้าแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับรองอ๊อฟ-พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ อดีตสามีของแอม-สรารัตน์ ฐานที่ให้ความช่วยเหลือผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลงโดยการทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด พ.ต.อ.เอนกได้กล่าวว่า เหตุผลที่ต้องทำการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับ พ.ต.ท.วิฑูรย์นั้น เนื่องจากตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ได้ค้นพบกับพยานหลักฐานชิ้นสำคัญ หลังจากที่เกิดเหตุ พ.ต.ท.วิฑูรย์ กับแอม-สรารัตน์ เดินทางไปที่บ้านพ่อแม่ของ พ.ต.ท.วิฑูรย์ ที่ จ.สุโขทัย เพื่อทำการเยี่ยมเยียนในช่วงวันเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างนั้นแอม-สรารัตน์ได้นำกระเป๋าแบรนด์เนมและทรัพย์สินมีค่าของ น.ส.ศิริพร หรือก้อย ผู้ตายติดตัวไปเพื่อหาที่ซุกซ่อน ต่อมาภายหลังเกิดเปลี่ยนใจทำทีออกกลอุบายให้พ่อแม่ของ พ.ต.ท.วิฑูรย์ส่งกระเป๋าและทรัพย์สินของเหยื่อกลับมาให้ที่บ้านพักของ พ.ต.ท.วิฑูรย์ ที่ จ.นครปฐม แต่เมื่อ พ.ต.ท.วิฑูรย์ได้รับของกลางแล้วกลับนำไปมอบให้น้องสะใภ้ของแอม-สรารัตน์ที่ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี แทนที่จะส่งมอบให้กับตำรวจตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน และสั่งให้น้องสะใภ้คนดังกล่าวส่งของต่อไปให้กับ น.ส.แก้ว (นามสมมติ) เพื่อนสนิทของแอม-สรารัตน์ ที่บ้านพักใน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี โดยที่ น.ส.แก้วไม่ได้ทราบมาก่อนว่าภายในกล่องพัสดุเป็นสิ่งของใด กระทั่งเมื่อเปิดออกดูสงสัยว่าน่าจะเป็นทรัพย์สินของผู้ตาย นำมามอบให้ตำรวจตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน จนนำมาสู่การแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับ พ.ต.ท.วิฑูรย์ ทั้งนี้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.จะเดินทางมาที่ บช.ภ.7 เพื่อประชุมความคืบหน้าคดีทั้งหมดกับทีมงานทั้งหมดด้วย ที่ บช.ปส. เวลา 11.00 น. พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.กล่าวถึงประเด็นการใช้สารไซยาไนด์นำมาผสมยาเสพติด ตามคำกล่าวอ้างของนางสรารัตน์ หรือแอม รังสิวุฒาภรณ์ ว่าจากประสบการณ์ที่ทำหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดมาเป็นเวลายาวนาน ไม่เคยพบเจอมาก่อน อาจจะเป็นการกระทำของผู้ต้องหาที่มีความคิดจะผสมลงไปเอง เพราะสารเสพติดมีฤทธิ์ทำให้เคลิ้ม หากใส่สารไซยาไนด์ไปแล้วอาจจะทำให้เจ้าหน้าที่เข้าใจว่าใช้ยาเสพติดเกินขนาดจนเสียชีวิตก็เป็นได้ ยืนยันการนำยาเสพติดมาผสมกับสารไซยาไนด์นั้นไม่เคยพบเหตุเกิดขึ้นมาก่อน วันเดียวกัน นายรพี ชำนาญเรือ ผู้ประสานงานเหยื่อในคดีนี้ โพสต์เฟซบุ๊กใจความสรุปว่า ฝากแชร์ถึงร้านรับซื้อโทรศัพท์หรือผู้พบเห็นโทรศัพท์ไอโฟน 14 โปรแม็กซ์ สีม่วง เลข IMEI 3520301451536508 ซีเรียล นัมเบอร์ PDWDTPW2NL ของ น.ส.ศิริพร หรือก้อย ขันวงษ์ 1 ในเหยื่อถูกสารไซยาไนด์ที่ยังสูญหาย หากใครพบรบกวนแจ้งที่เบอร์โทรศัพท์ 08-6161-2845 รพี ชำนาญเรือ เนื่องจากเป็นอีกหนึ่งในหลักฐานสำคัญของคดีนี้ เชื่อว่าข้อมูลต่างๆน่าจะเหลืออยู่ในเครื่องและอาจเป็นประโยชน์ต่อคดีนี้ ที่สมาคมพนักงานสอบสวน สโมสรตำรวจ เวลา 19.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยถึงการดำเนินคดีนี้ว่า วันนี้ได้แจ้งข้อหากับ พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ อดีตสามีของแอม-สรารัตน์ ฐานที่ร่วมกันทำลายพยานหลักฐาน ตาม ป.อาญา ม.184 หลังพบ พ.ต.ท.วิฑูรย์นำกระเป๋าของ น.ส.ก้อยไปซ่อนไว้ก่อนที่จะถูกส่งไปที่ จ.เพชรบุรี ทั้งนี้ผู้ต้องหามีอาชีพเป็นตำรวจจึงต้องรับรู้อยู่แล้วว่าของที่ได้มาเป็นของกลางในคดี แต่ก็ไม่นำไปมอบให้กับพนักงานสอบสวน เบื้องต้นเจ้าตัวให้การปฏิเสธ ส่วนกรณีที่มีบุคคลอื่นเข้าไปเกี่ยวข้องจำนวน 4 ถึง 5 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำในฐานะพยาน คาดการณ์ว่าในสัปดาห์หน้าจะสามารถวางไทม์ไลน์เหตุการณ์ทั้งหมดเพื่อทำการสรุปสำนวนส่งให้พนักงานอัยการ ในเบื้องต้นพบแผนประทุษกรรมเหมือนกันในคดีฆ่าผู้อื่นโดยคิดไตร่ตรองไว้ก่อนจำนวน 14 คดี และคดีพยายามฆ่าอีก 1 คดี ด้านเส้นทางการเงิน 78 ล้านบาทที่หมุนเวียนในบัญชีธนาคารของแอม-สรารัตน์ ธนาคารเจ้าของบัญชีจะส่งข้อมูลให้พนักงานสอบสวนในวันที่ 17 พ.ค. “สำหรับกำหนดการที่จะเข้าสอบปากคำแอม-สรารัตน์ ในทัณฑสถานหญิงกลาง วันที่ 17 พ.ค.นั้นต้องดูพยานหลักฐานสำนวนคดีของตำรวจ บช.ภ.7 ก่อนว่ามีส่วนไหนที่ต้องเข้าไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอีก ขณะที่คำให้การของผู้ต้องหาที่เกี่ยวกับสารพิษไซยาไนด์นั้น ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่ออย่างเต็ม 100% แต่ก็มีข้อเท็จจริงในเรื่องของการที่ผู้ต้องหายอมรับการนำสารไซยาไนด์ไปมอบให้ ยืนยันดำเนินคดีตามพยานหลักฐานที่มีอยู่” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าว